บทความ

ทวงหนี้ ประจานผ่านสื่อสังคมเครือข่าย          โพสต์ข้อความทวงหนี้ หากระบุตัวบุคคลชัดเจน และเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ด้วยถ้อยคำที่มีลักษณะใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อาจจะมีความผิดฐานหมิ่นประมาท และการโพสต์ข้อความหน้า Facebook ซึ่งถือว่าเป็นสื่อสังคมออนไลน์ ที่ประชาชนเข้าถึงได้เป็นจำนวนมากจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท แม้เจ้าหนี้จะได้ลบข้อความไปแล้วก็ตาม กรณีถือว่า ความผิดสำเร็จตั้งแต่ได้โพสต์ข้อความลงใน Facebook แล้ว ดังนั้น การลบโพสต์จึงไม่สามารถลบล้างความผิดที่ได้ลงมือกระทำไปแล้ว แต่อาจจะเป็นเหตุบรรเทาโทษ ทำให้ศาลลงโทษสถานเบาเท่านั้น                     การโพสต์ข้อความทวงหนี้ผ่าน Facebook ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีการแก้ไขกฎหมายใหม่แล้ว โดยมาตรา 14 (1) แก้ไขเพิ่มเติมระบุชัดเจนว่าความผิด “อันมิใช่การกระทำความผิดหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” ตามพระราชบัญญัต
สรุป การรู้เท่าทันสื่อ 1. สื่อทั้งหลายล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิค มุมกล้อง สี เสียง และการตัดต่อ ดังนั้น สือจริงไม่ใช่กระจกที่สะท้อนความเป็นจริงที่เราคิดว่ามันใช่ 2. บุคคลหรือองค์กรที่สร้างสื่อมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการประโยชน์ หรือต้องการเปลี่ยนความคิดของเราเสมอ  3.  สื่อส่วนใหญ่ถูกทำขึ้นเพื่อหวังผลและกำไร พยายามปลูกฝังค่านิยมทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เราเห็นว่าสินค้าและบริการนั้นมีแต่ข้อดี และมีความเป็นของนิยม 4. สื่อจำนวนไม่น้อย เลือกข้างทางการเมือง และจะนำเสนอโน้มเอียงไปทางกลุ่มการเมืองที่ตนเองชื่นชอบ    การไม่ให้ตกไปเป็นเหยื่อของสื่อ ด้วยเทคนิคดังนี้ 1. สังเกตองค์กรผู้ผลิตสื่อ  2. สังเกตเนื่อหาของสื่อและค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม 3. แยกแยะระหว่างข้อมูลกับความคิดเห็นให้ชัด  4. รู้จักประเมินและเลือกรับข้อมมูลข่าวสารที่มีประโยชน์
การหมิ่นประมาท             หมิ่นประมาท เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้กันบ่อยครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง และมีคนแสดงความคิดเห็นแตกต่างกัน หรือมีการ "ด่ากัน" โดยเฉพาะในยุคที่ทุกคนมีพื้นที่แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง การระบายความรู้สึกด้านลบ การใช้เหตุผลวิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันในประเด็นต่างๆ สามารถทำได้ง่ายตลอดเวลา และเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คดีความฐานหมิ่นประมาทเกิดขึ้นได้ง่าย และมีปริมาณมากขึ้นด้วย              เมื่อคนรับรู้ว่า ตัวเองถูกโจมตีด้วยข้อความต่างๆ และอยากใช้กฎหมายตอบโต้ ความผิดฐานหมิ่นประมาทจะถูกมองเห็นก่อนในฐานะเครื่องมือที่พื้นฐานที่สุด และสามารถหยิบใช้ได้กับแทบทุกกรณี ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายไทยมีทั้งโทษทางอาญาซึ่งอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา และมีทั้งการหมิ่นประมาททางแพ่งซึ่งอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิย์ การหมิ่นประมาททั้งสองประเภทมีองค์ประกอบแตกต่างกันและมีวิธีการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดที่แตกต่างกัน ที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นหลายกรณีที่มีผู้หยิบเอาข้อหา "หมิ่นประมาททางอาญา" มาใช้เป็นเครื่องมื
สรุป การรู้เท่าทันลิขสิทธิ์         ลิขสิทธิ์   เป็น ทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทหนึ่งที่มอบสิทธิทางกฎหมายที่มอบให้ผู้สร้างสรรค์งานแต่เพียงผู้เดียวในการเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลงงานที่สร้างสรรค์ โดยทั่วไปแล้ว งานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นงานสร้างสรรค์ทางปัญญาทุกรูปแบบ เช่น   งานเขียน   งานดนตรี   งานนาฏศิลป์   งาน ศิลปะ   ภาพถ่าย   ภาพยนตร์   โปรแกรมคอมพิวเตอร์   เป็นต้น          เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถมอบสิทธิ์ให้แก่บุคคลอื่นได้ โดยอาจจะมอบสิทธิ์ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนก็ได้ เช่น สิทธิ์การตีพิมพ์ สิทธิ์การแปล สิทธิ์การดัดแปลง เป็นต้น        ลิขสิทธิ์มีระยะเวลาจำกัด ระยะเวลาของลิขสิทธิ์โดยทั่วไปคือเริ่มตั้งแต่การสร้างสรรค์งาน และสิ้นสุด 50 ถึง 100 ปีหลังจากผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละเขตอำนาจ ลิขสิทธิ์ถูกจำกัดโดยข้อจำกัดและข้อยกเว้นของกฎหมายลิขสิทธิ์ เช่น   การใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบ กฎหมายลิขสิทธิ์ในบางประเทศมีข้อกำหนดในการสถาปนาลิขสิทธิ์ เช่น การขึ้นทะเบียนงาน แต่ประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบันถือว่าการคุ้มครองลิขสิทธิ์เริ่มต้นขึ้นเมื่องานถูกสร้างโดยไม่จำเป็นต
สรุป พฤติกรรมเสี่ยง พรบ. คอมพิวเตอร์    1. เอาภาพ รูปลามกอนาจารขึ้นแสดงอินเตอร์เนต ติดคุกได้ถึงห้าปี หรือปรับได้ถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ปล่อยข่าวให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ติดคุกได้ถึงห้าปี หรือปรับถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ   2. ปล่อยข่าวให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ติดคุกได้ถึงห้าปี หรือปรับถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ตัดต่อภาพภาพนิ่งภาพวีดีโอ แล้วนำมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเสียหาย ถูกฟ้องอาจ ติดคุกได้ถึงสามปี หรือเจอปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. ขโมยข้อมูลของคนอื่น ถ้าถูกจับได้ ถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ รวมทั้งตามกฎหมายลิขสิทธิ์ และพรบ. คอมพิวเตอร์ 5. ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ให้คนอื่นเสียหาย อับอาย ติดคุกได้ถึงห้าปี หรือปรับได้ถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 6. เอา ID หรือ Password ผู้อื่นไปแอบดูข้อมูลต่างๆ เจอฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย มีสิทธิ์ติดคุกทั้งปรับ 7. เอางานของคนอื่น ไปลบ เพิ่มเติม หรือแก้ไขเนื้อหาในนั้น จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ แต่สุดท้ายเกิดความเสียหายแก่เจ้าของไฟล์นั้น ติดคุกได้ถึงห้าปี หรือปรับไม่เกิน ห
สรุป พรบ.คอมพิวเตอร์           พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  หรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุดได้มีการประกาศใช้เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2560 ซึ่งเป็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2 ความผิดอาญาตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 1. เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขา แล้วเราแอบเข้าไปดู  เจอคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10 , 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.   แอบไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเค้า แล้วบอกให้คนอื่นรู้  เจอคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20 , 000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ข้อมูลของเขา เขาเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ดีๆ แล้วแอบไปล้วงข้อมูลของเขาออกมา  เจอคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40 , 000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. เขาส่งข้อมูลหากันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบส่วนตั ว แล้วเราทะลึ่งไปดักจับข้อมูลของเขา  เจอคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60 , 000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 5. ข้อมูลของเขาอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเขา เราดันมือบอนแก้  เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100 , 000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 6. ระบบคอมพิวเตอร์ของเค้าทำงานอยู่ดีๆ เราดัน ยิง  packet  หรือ  mes

อินโฟกราฟิก

              อินโฟกราฟิก  เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ ‘Data Visualization’ เป็นเครื่องมือเล่าเรื่องยุคใหม่ที่มีสไตล์โดนใจคนเมืองไม่แพ้กัน! โดยวิธีการเล่าเรื่องนั้นก็จะใช้ ‘ รูปภาพ’  เป็นการสื่อสารหลักหรือตัวนำเรื่องราวครับ โดยเจ้า  อินโฟกราฟิก   จะทำการย่อยข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของภาพ  แผนภูมิ   แผนผัง   สัญลักษณ์  หรือกราฟ ต่างๆ ฯลฯ ไม่ว่าข้อมูลจะ  Deep  ขนาดไหน อินโฟกราฟิกก็สามารถย่อยข้อมูลให้เข้าถึงและเข้าใจได้ง่ายๆในพริบตาเดียวเชียวล่ะ ทั้งนี้ที่พิเศษไปกว่านั้นยังสามารถใส่  สี  หรือ ออกแบบลูกเล่น ให้ดูสวยงามเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดผู้อ่านได้อีกด้วย  จึงเป็นอีกวิธีการสื่อสารแบบหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือเป็นการนำ ‘ภาพ’ มาใช้แทนคำพูด และเปลี่ยนการสื่อสารให้สามารถมองเห็นและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องแบบรูปภาพ แสดงผลแบบกราฟ หรือแทนตัวเลขและข้อมูลสถิติด้วยแผนภูมิ หรือแม้กระทั่งสัญลักษณ์ต่างๆ เจ้านี่ก็เปรียบเสมือนอัศวินที่พร้อมจะต่อสู้กับข้อมูลมหาศาลโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเจอข้อมูลซับซ้อน มากมายเพียงไหน เขาก็พร้อมที่จะรวบให้อยู่ในรูปแบบ